เร่งจัดทำมาตรฐานกุ้งอาเซียน โดยใช้ไทยเป็นต้นแบบ ช่วยเปิดตลาดส่งออกกุ้งไทยให้กว้างขึ้น...
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. มีรายงานว่า ที่โรงแรม สวิทโซเทล เลอ คองคอร์ด ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดประชุมวิชาการเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และงานแสดงสินค้า โดย ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้สัตว์ในงานวิทยาศาสตร์ ได้ขยายวงกว้างจากสัตว์ทดลองไปถึงสัตว์น้ำ สัตว์เศรษฐกิจ และสัตว์ป่าในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตฐานสากล สอดคล้องกับหลักจรรยาบรรณการใช้สัตว์ วช.จึงได้จัดการประชุมวิชาการเรื่อง “การเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2556 (The thai National Trade Exhibition 2013) ขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ให้ผู้ใช้สัตว์สามารถเลือกใช้ได้อย่างมาตรฐาน มีคุณภาพ และเลือกใช้สัตว์ได้อย่างเหมาะสม
ด้าน ดร.พุทธ ส่องแสงจินดา นักวิชาการสถาบันวิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล กรมประมง กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้สัตว์เพื่อทดลองทางวิทยาศาสตร์ นอกจากในหนู หรือกระต่ายแล้ว ยังมีในประเภทสัตว์เศรษฐกิจ รวมทั้งสัตว์น้ำ โดยเฉพาะกุ้ง ที่ไทยเราเป็นประเทศส่งออกอันดับ 1 ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรฐานการค้าเสรีอาเซียน การสร้างจุดขาย หรือการทำคอนแทรกฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) จะเป็นโอกาสที่ช่วยเปิดตลาดการส่งออกกุ้ง ซึ่งไทยเราเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 มาโดยตลอดให้กว้างขึ้น ซึ่งปัจจุบันการส่งออกทั่วโลกราว 70% หรือประมาณ 1-1.2 ล้านตัน โดยประเทศที่ส่งออกคือ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการกีดกันการส่งออก ทั้งในเรื่องการทรมานสัตว์ แรงงาน รวมทั้งการทำลายสภาวะแวดล้อม กลุ่มประเทศเหล่านี้ได้มีการจัดทำโครงการมาตรฐานกุ้งอาเซียนขึ้น โดยใช้ประเทศไทยเป็นต้นแบบ เนื่องจากมีระบบที่ได้มาตฐาน แต่ทั้งนี้แนวทางการจัดการจะผสมผสานกับแนวทางที่ FAO วางไว้ 4 มาตรฐาน ได้แก่ ด้านอาหารปลอดภัย ด้านดูแลเรื่องสุขภาพ และสวัสดิภาพสัตว์ ด้านการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และการดูแลด้านเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ เพื่อให้การผลิตกุ้งส่งออกได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ การผลิตลูกพันธุ์กุ้งต้องไม่มีการปนเปื้อนสารอันตราย เน้นระบบตรวจสอบย้อนกลับให้ได้ในระดับ 3 รวมทั้งการเคลื่อนย้ายต้องไม่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค.