ที่ศูนย์ศึกษาการพัมนาห้วยฮ้องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่ มีกิจกรรมสาธิตที่เกษตรกรสามารถเข้าไปศึกษาดูงานและนำความรู้มาปฎิบัติใช้เพื่อการประกอิบอาชีพได้หลายรายการด้วยกันที่เหมาะสมกับพื้นที่ และสำรับในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงการเพาะปลูกข้าวนาปี ปริมาณน้ำในพื้นที่ค่อนข้างสะดวกความชื้นของดินดี อากาสอำนวย เหมาะเป้นอย่างยิ่งสำหรับการเลี้ยงกบ โดยเฉพาะกบนาแบบบ่อดิน

การเลี้ยงกบในบ่อดินนั้น จะใช้พื้นที่ประมาณ 100 -200 ตารางเมตร เท่านั้น โดยภายในคอกสร้างเป็นบ่อขึ้นมาให้ปริมาณน้ำลึกประมาณ 1 เมตร ทำเกาะกลางบ่อเพื่อเป็นที่พักของกบและที่ให้อาหาร หรือจะใช้ไม้กระดานทำเป็นพื้นลาดลงจากชานบ่อก็ได้ ส่วนพื้นที่รอบๆ ขอบบ่อภายในที่ห่างจากรั้วคอกอวนไนลอนกว้าง 1 เมตร ปล่อยให้หญ้าขึ้น หรือปลูกตะไคร้เพื่อให้กบใช้เป็นที่หลบอาศัยภายในบ่อ และสามารถตัดมาบริโภคภายในครัวเรือนได้อีกด้วย

ที่เป็นพื้นภายในบ่อใช้ผักตบชวา หรือพืชน้ำอื่น ๆ ให้กบเป็นที่หลบซ่อนภัยและอาศัยภายในบ่อให้ความร่มเย็นแก่กบ คอกที่ล้อมรอบด้วนอวนไนลอน ด้านล่างจะใช้ถุงยางมะตอยผ่าซึก หรือแผ่นสังกะสีฝังลึกลงดินประมาณ 1 ศอก เพื่อป้องกันศัตรูบางชนิด เช่น หนู ขุดรูลอดเข้าไปทำอันตรายกับกบที่อยู่ในบ่อหรือในคอกได้ส่วนด้านบนของบ่อมุมใดมุมหนึ่ง จะมุงด้วยทางมะพร้าวเพื่อเป็นร่มเงา และใช้เป็นที่ให้อาหารกบใช้เสื่อรำแพนเก่า ๆ ที่ใช้ทำเป็นฝาบ้าน มาวางซ้อนกัน โดยมีลำไม้ไผ่สอดกลางเพื่อให้เกิดช่องว่างให้กบเข้าไปหลบอาศัย และด้านบนนั้นก็เป็นที่รองรับอาหารที่โยนลงไปให้กบกินได้ด้วย

การเลี้ยงกบในบ่อดินแบบนี้มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรที่ทำนา เพราะลงทุนต่ำกว่าเลี้ยงในบ่อปูน และแบบกระชัง ไม่ต้องเสียเวลากับการเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ ไม่สิ้นเปลืองอาหารมากนัก เพราะกบยังหาอาหารตามธรรมชาติกินได้ เป็นการเลี้ยงเชิงพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย ผู้เลี้ยงมีเวลาทำงานอย่างอื่นได้มากขึ้น และหากพื้นที่เลี้ยงอยู่ในแนวการไหลของน้ำเข้านาก็จะเป็นการดีต่อกบเพราะระบบระบายน้ำเป็นไปตามธรรมชาติ และในน้ำนั้นก็มีอาหารกบที่มาตามน้ำตามธรรมชาติด้วยกบมีกินต่อเนื่อง และกบก็จะไม่ค่อยเป็นโรค และแข็งแรงดี ซึ่งแนวทางการเลี้ยงแบบนี้มีหลายพื้นที่กำลังดำเนินการและเป็นการเลี้ยงเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งจำหน่าย ซึ่งนับว่าคุ้มค่าไม่น้อยทีเดียว

กบเป็นสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ที่ชาวไทยรู้จักกันดี และนิยมบริโภคกันมาช้านาน เมื่อก่อนในธรรมชาติยังมีกบให้จับมาใช้บริโภคอย่างไม่ขาดแคลน ดังจะเห็นได้ชัดในช่วงการทำนาปี ปริมาณของกบที่จับมาวางขายในท้องตลาดมีจำนวนมากและทุกวัน แต่ปัจจุบันนี้ ดูจะลดน้อยลงไปมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจาก คนนิยมบริโภคกบเป็นอาหารมากขึ้น ตามบ้าน ร้านอาหารและภัตตาคาร มีการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เยอรมัน ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเห็นได้จากรายการอาหารของภัตตาคารชั้นนำในต่างประเทศ ขณะที่ความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศขยายตัวสูงขึ้น ประกอบกับการเลี้ยงมีน้อย ส่วนหนึ่งก้จับจากธรรมชาติไปจำหน่าย อีกประการคือการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกข้าว ที่เป็นผลให้กบในธรรมชาติต้องตายไปปัจจุบันปริมาณของกบจึงมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด